วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา)




 
พระยาวเชียรคีรี ( ชม ณ สงขลา) เจ้าเมืองสงขลา
ผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา

 ประวัติ
พระยาวิเชียรคีรี ( ชม ณ สงขลา) หรือที่ชาวบ้านเมืองสงขลาให้สมญานามว่า"เจ้าจอมเมือง" เป็นเจ้าเมืองสงขลาในตระกูล ณ สงขลา คนสุดท้าย (คนที่ ๘) ในระยะที่ตระกูล ณ สงขลา ต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรง ๒ ปัญหาด้วยกัน คือปัญหาความแตกแยกภายในตระกูลและปัญหาการลดบทบาทและอิทธิพลของตระกูลลง เพื่อโอนอำนาจเข้าส่วนกลางพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นบุตรคนโตของพระยาสุนทรนุรักษ์ (เนตร) ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาและคุณหญิงพับ เกิดที่เมืองสงขลา เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๗ ที่บ้านป่าหมาก(ปัจจุบันคือที่ตั้งศาลจังหวัดสงขลา) 



เริ่มเรียนหนังสือกับเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) เมื่ออายุ ๑๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๔ เป็นมหาดเล็กหลวงเวรฤทธิ์ รับราชการในกรุงเทพฯ ได้ ๒ ปี ก็ลาออกมาศึกษาวิชาการอื่นๆ ที่สงขลา เช่น วิชาช่างไม้ ยิงปืน โหราศาสตร์ แพทย์ การเดินเรือ การถ่ายรูป ช่างเหล็ก ช่างทองและการทำแผนที่ทั้งกับครูไทย และครูชาวต่างประเทศหลายคน จนมีความเชี่ยวชาญ อายุได้ ๑๖ ปี (พ.ศ. ๒๔๑๓) ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงวิเศษภักดี (ชม) ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา อายุ ๒๑ ปี ลาอุปสมบทสำนักอาจารย์แดง วัดดอนรัก รับราชการจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้เลื่อนยศเป็นพระสุนทรานุรักษ์(ชม)ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาและรักษาราชการเมืองสงขลาในระยะที่ว่างเจ้าเมือง เพราะพระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม) ถึงแก่อสัญกรรม ต้นปี พ.ศ. ๒๔๓๓ จึงได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนขึ้นเป็นพระยาวิเชียรคีรี (ชม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลารับราชการต่อมาอีก ๑๑ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ถูกปลดออก และเลื่อนเป็นจางวางเมืองสงขลา รับพระราชทานเบี้ยบำนาญปีละ ๘,๐๐๐ บาท สูงกว่าเงินเดือนเดิมหลายเท่าตัว และ ๓ ปี ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๗ ก็ถึงอสัญกรรมด้วยอายุ ๕๐ ปี

ผลงาน
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองสงขลา ได้พยายามพัฒนาบ้านเมือง โดยการสร้างถนนคอนกรีตในเมืองสงขลา และถนนวิเชียรชม จากศาลากลางเมืองสงขลาไปยังชายทะเลบริเวณแหลมทรายยางประมาณ ๒ กิโลเมตร ซ่อมแซมเขื่อนหินหน้าจวนริมน้ำ สร้างศาลาทรงฝรั่งบนเขาตังกวนเป็นพระบรมราชูทิศให้แก่รัชกาลที่ ๔ ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินเมืองสงขลาหลายครั้ง และได้ดำเนินการปราบปรามโจรผู้ร้ายบริเวณรอยต่อระหว่างเมืองสงขลา เมืองพัทลุงและเมืองนครศรีธรรมราช

ประวัติ ณ สงขลา และแปดบรรพบุรุษ 
สืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษของต้นตระกูล "โรจนะหัสดิน" สืบเชื้อสายมาจากตระกูล "ณ สงขลา" ดังนั้น จึงขอบันทึกประวัติเกี่ยวกับ ตระกูล ณ สงขลา ไว้พอสังเขป

ผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล ณ สงขลา*
พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (ทิตย์) เป็นผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล "ณ สงขลา" เขียนเป็นอักษรโรมันว่า "Na Sonkla" ขณะที่ดำรงบรรดาศักดิ์พระพฤกษาภิรมย์ ตามประกาศครั้งที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พุทธศักราช 2450 เป็นลำดับที่ 108 ของประเทศ

พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (ทิตย์) เป็นบุตรพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เจ้าเมืองสงขลาคนที่ 8 เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประภาสปักษ์ใต้ ก็ได้ขอมาเป็นเด็กต้นห้องบรรทม และชุบเลี้ยงจนได้รับราชการเป็นมหาดเล็กรับใช้พระองค์ ได้รับราชการต่อในสมัยรัชกาลที่ 6 สุดท้ายดำรงตำแหน่งพระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน เจ้ากรมสวนหลวง และเป็นองคมนตรีสมัยรัชกาลที่ 7 แล้วได้กราบบังคมลาราชการ กลับมาอยู่ที่สงขลาเมื่อ พ.ศ. 2470

แปดบรรพบุรุษ
เมื่อ พ.ศ. 2318 สมเด็จพระเจ้าตากสินได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงสุวรรณคีรี (เหยี่ยง แซ่เฮา) เป็นผู้ปกครองเมืองสงขลา ต่อมาบุตรและหลานของพระยาสุวรรณคีรี (บรรดาศักดิ์ต่อมา) ได้รับช่วงเป็นเจ้าเมืองสงขลาถึง 8 คน ติดต่อกัน 8 สมัย ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เป็นเวลา 121 ปี

จนเปลี่ยนการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล เมื่อ พ.ศ. 2439 มีพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นเทศาภิบาล และพระยาวิเชียรคีรี (ชม) ทำหน้าที่เป็นปลัดเทศาภิบาล จนหมดวาระราชการใน พ.ศ. 2444 การปกครองเมืองของตระกูล ณ สงขลา เป็นอันสิ้นสุดความต่อเนื่องที่นานนับ 126 ปี

เจ้าเมืองในตระกูล ณ สงขลา มีดังต่อไปนี้

พระยาสุวรรณคีรีสมบัติ (เหยี่ยง แซ่เฮา) พ.ศ. 2318-2327
เจ้าพระยาอินทคีรี (บุญหุ้ย) พ.ศ. 2327-2355
พระยาวิเศษภักดี (เถี้ยนจ๋ง) พ.ศ. 2355-2360 สายสกุล "โรจนะหัสดิน"
พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) พ.ศ. 2360-2390
เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (บุญสัง) พ.ศ. 2390-2408
เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) พ.ศ. 2408-2427
พระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม) พ.ศ. 2427-2431
พระยาวิเชียรคีรี (ชม) พ.ศ. 2431-2444



 สงขลา   
เป็นนามสกุลพระราชทานแก่พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (ทิตย์) ขณะที่ดำรงบรรดาศักดิ์พระพฤกษาภิรมย์ ตามประกาศครั้งที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พุทธศักราช 2450 นามสกุลพระราชทานที่ 108 เขียนแบบอักษรโรมันว่า Na Songkhla

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น